CID: เอกสารสำคัญยืนยันความประพฤติเพื่อการเดินทางไปต่างประเทศ

ภาพอินโฟกราฟิกของ Translingo อธิบายว่า CID คืออะไร ซึ่งก็คือใบรับรองประวัติอาชญากรรมที่ออกโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้สำหรับยื่นวีซ่า สมัครงาน หรือทำธุรกรรมอื่นๆ พร้อมข้อมูลติดต่อของ Translingo และ QR code สำหรับ LINE An infographic from Translingo explaining what a CID (Certificate of Identity and Criminal Record) is in Thailand. The image shows a sample certificate and lists its uses, such as for visa applications and employment, alongside Translingo's contact information and a LINE QR code.

หนังสือรับรองความประพฤติ (Police Clearance Certificate) คือ เอกสารราชการที่ออกโดย “ศูนย์บริการออกหนังสือรับรองความประพฤติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ของประเทศไทย เพื่อรับรองอย่างเป็นทางการว่าบุคคลที่ถูกระบุชื่อในเอกสารนั้น “ไม่พบประวัติการกระทำความผิดทางอาญา” ในฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ทำการตรวจสอบ

ในบริบทที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปต่างประเทศ CID ไม่ได้หมายถึงหน่วยงานสืบสวนอาชญากรรม แต่เป็นคำที่นิยมเรียกแทน “หนังสือรับรองความประพฤติ” หรือ “หนังสือรับรองประวัติอาชญากรรม” (Police Clearance Certificate) ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่ออกโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับรองว่าบุคคลนั้นไม่มีประวัติอาชญากรรมในประเทศไทย

คำว่า “CID” ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ นั้น แท้จริงแล้วเป็นคำย่อที่มาจาก “Central Investigation Division” ซึ่งในระบบตำรวจสากล มักหมายถึงหน่วยงานสืบสวนสอบสวนกลาง ในประเทศไทย หน่วยงานที่ทำหน้าที่ออกหนังสือรับรองนี้อยู่ในสังกัดของ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (Special Branch Bureau) ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญในการตรวจสอบประวัติบุคคล ด้วยเหตุนี้เอง คนจึงมักเรียกติดปากกันแบบง่ายๆ ว่า “ไปขอใบ CID” ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปในความหมายของหนังสือรับรองความประพฤตินั่นเอง

เอกสารฉบับนี้จะระบุข้อมูลสำคัญของผู้ขอ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล, เลขหนังสือเดินทาง และที่สำคัญที่สุดคือข้อความที่ยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวไม่ปรากฏในทะเบียนประวัติอาชญากร

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมหน่วยงานในต่างประเทศถึงต้องการเอกสารชิ้นนี้มากนัก? คำตอบนั้นเรียบง่ายแต่สำคัญอย่างยิ่ง: เพื่อการบริหารความเสี่ยงและความมั่นคงของประเทศเขา

ประเทศต่างๆ ย่อมต้องการคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้าประเทศของตน ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม พวกเขาต้องการความมั่นใจว่าบุคคลนั้นจะไม่เข้าไปสร้างปัญหาหรือเป็นภัยต่อความสงบสุขของสังคม ใบรับรองประวัติอาชญากรรมจึงเป็นเครื่องมือมาตรฐานสากลที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นของผู้เดินทาง

โดยทั่วไป คุณจะต้องใช้เอกสารนี้ในกรณีหลักๆ ดังต่อไปนี้:

วีซ่าถาวร หรือ วีซ่าย้ายถิ่นฐาน: ถือเป็นเอกสารบังคับแทบจะ 100% เพราะประเทศปลายทางต้องการประวัติที่ขาวสะอาดของผู้ที่จะเข้ามาเป็นประชากรของเขา

วีซ่าทำงาน: นายจ้างและรัฐบาลต้องการความมั่นใจว่าแรงงานต่างชาติที่รับเข้ามาเป็นผู้ที่เคารพกฎหมาย

วีซ่านักเรียน: ในบางประเทศและบางสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเด็กหรือสาขาที่อ่อนไหว อาจมีการร้องขอเอกสารนี้

วีซ่าคู่หมั้น/แต่งงาน: เพื่อยืนยันประวัติของคู่สมรสชาวต่างชาติ

การสมัครงานทั้งในประเทศละต่างประเทศ: บางบริษัท โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่น งานด้านการเงิน, การศึกษา, การดูแลเด็กหรือผู้สูงอายุ, งานราชการ จะร้องขอเอกสารนี้เพื่อประกอบการพิจารณา

การขอสัญชาติ: เป็นขั้นตอนสุดท้ายสู่การเป็นพลเมืองของประเทศนั้นๆ การตรวจสอบประวัติอาชญากรรมย้อนหลังจึงเป็นสิ่งจำเป็น

การรับบุตรบุญธรรม: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ปกครองบุญธรรมมีคุณสมบัติเหมาะสมและไม่มีประวัติที่เป็นอันตรายต่อเด็ก

การทำธุรกรรมทางกฎหมายอื่นๆ: เช่น การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพบางประเภท หรือการทำธุรกรรมอื่น ๆ ตามที่ปลายทางกำหนด

ดังนั้น การมีหนังสือรับรองความประพฤติที่ “คลีน” ก็เปรียบเสมือนการได้รับตราประทับว่า “คุณเป็นบุคคลที่น่าไว้วางใจ” ในสายตาของนานาชาติ

กระบวนการขอหนังสือรับรองความประพฤติเพื่อนำไปใช้นอกราชอาณาจักรไทยนั้น สามารถดำเนินการได้ทั้งผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศไทยและผู้ที่พำนักอยู่ต่างประเทศ โดยมีขั้นตอนและข้อปฏิบัติที่แตกต่างกันเล็กน้อย

กรณีพำนักอยู่ในประเทศไทย:

ผู้ขอสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองได้ที่ ศูนย์บริการออกหนังสือรับรองความประพฤติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดยต้องเตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ ให้ครบถ้วน เช่น หนังสือเดินทางฉบับจริงและสำเนา, บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงและสำเนา, ทะเบียนบ้าน (สำเนา), และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ของการขอ เช่น เอกสารการขอวีซ่า หรือหนังสือจากสถานทูต

กรณีพำนักอยู่ต่างประเทศ:

มอบอำนาจ: ทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นที่อยู่ในประเทศไทยดำเนินการยื่นเรื่องแทน

  • ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่พำนักอยู่ เพื่อขอพิมพ์ลายนิ้วมือ
  • เตรียมเอกสารประกอบคำร้องตามที่กำหนด (เช่น สำเนาหนังสือเดินทาง, สำเนาบัตรประชาชน, รูปถ่าย)
  • จัดส่งเอกสารทั้งหมดทางไปรษณีย์มายังศูนย์บริการออกหนังสือรับรองความประพฤติในประเทศไทย

การรับรองเอกสารเพื่อใช้ในต่างประเทศ:

หลังจากได้รับหนังสือรับรองความประพฤติ (CID) แล้ว หากประเทศปลายทางต้องการการรับรองเพิ่มเติม จะต้องนำเอกสารดังกล่าวไปผ่านกระบวนการ รับรองนิติกรณ์ (Legalization) ที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ก่อน จากนั้นจึงนำไปยื่นต่อสถานทูตของประเทศนั้นๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อทำการรับรองอีกชั้นหนึ่ง จึงจะสามารถนำไปใช้งานในต่างประเทศได้อย่างสมบูรณ์ตามกฎหมาย

หลายคนมักคิดว่าเมื่อได้ “ใบ CID” มาแล้วก็จบกระบวนการ แต่นี่คือ กับดักที่อันตรายที่สุด! เอกสารราชการไทยจะไม่สามารถใช้งานในต่างประเทศได้ทันที คุณต้องนำไปผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “การรับรองนิติกรณ์เอกสาร” (Legalization) เสียก่อน

ขั้นตอนนี้เป็นการยืนยันว่าเอกสารและลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงนามในใบรับรองของคุณนั้นเป็นของจริงในสายตาของกฎหมายระหว่างประเทศ

กระบวนการนี้มี 2 สเต็ปหลัก:

นำหนังสือรับรองความประพฤติตัวจริง ที่เพิ่งได้รับจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปยื่นที่ กองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

หลังจากผ่านการรับรองจากกรมการกงสุลแล้ว ให้นำเอกสารฉบับเดียวกันนั้น ไปยื่นที่ สถานทูตของประเทศที่คุณจะนำเอกสารไปใช้ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย

เมื่อผ่านครบทั้ง 2 สเต็ปนี้แล้วเท่านั้น หนังสือรับรองความประพฤติของคุณจึงจะสมบูรณ์และพร้อมใช้งานในต่างประเทศได้อย่างเป็นทางการ

หนังสือรับรองความประพฤติ (CID) ที่ได้รับมา มีอายุกี่เดือน?

ตัวเอกสารไม่ได้มีการระบุวันหมดอายุ แต่โดยทั่วไปหน่วยงานหรือสถานทูตในต่างประเทศจะยอมรับเอกสารที่ออกให้ ไม่เกิน 3-6 เดือน นับจากวันที่ออกเอกสาร ดังนั้น ควรวางแผนยื่นขอให้ใกล้กับช่วงเวลาที่จะใช้งานจริงมากที่สุด

ใช้เวลาทั้งหมดกี่วันกว่าจะได้เอกสารที่พร้อมนำไปใช้งานจริงในต่างประเทศ?

ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ

  • ช่วงขอเอกสาร: ประมาณ 7-15 วันทำการ
  • ช่วงรับรองที่กรมการกงสุล: 7-14 วันทำการ (มีบริการแบบด่วน)
  • ช่วงรับรองที่สถานทูตปลายทาง: แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 3 วันทำการ ถึง 2 สัปดาห์

ดังนั้น การวางแผนล่วงหน้าจึงสำคัญมาก

จำเป็นต้องมี “เอกสารยืนยันวัตถุประสงค์” หรือไม่? ใช้อะไรได้บ้าง?

จำเป็นมาก เจ้าหน้าที่จะต้องใช้เพื่อบันทึกว่าคุณนำเอกสารไปใช้ทำอะไร ป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ตัวอย่างที่ใช้ได้ เช่น จดหมายเชิญจากนายจ้าง, เอกสารนัดหมายยื่นวีซ่า, หนังสือตอบรับจากสถาบันการศึกษา, หรือแบบฟอร์มใบสมัครวีซ่าที่มีชื่อของคุณ

หากเคยมีคดีติดตัว หรือมีประวัติอาชญากรรม จะขอได้หรือไม่?

สามารถขอได้ แต่ในหนังสือรับรองจะระบุรายละเอียดของคดีนั้นๆ อย่างชัดเจน ซึ่งผลการพิจารณาจะขึ้นอยู่กับกฎหมายและดุลยพินิจของประเทศปลายทาง ว่าความผิดนั้นร้ายแรงและเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามของเขาหรือไม่

เมื่อได้รับใบรับรองฯ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว สามารถนำไปยื่นที่สถานทูตได้เลยใช่ไหม?

ยังไม่ได้ นี่คือขั้นตอนที่คนมักพลาดกันมากที่สุด คุณต้องนำเอกสารตัวจริงนั้นไปผ่าน “การรับรองนิติกรณ์” ที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศก่อน แล้วจึงนำเอกสารที่ผ่านการรับรองแล้วไปยื่นที่สถานทูตของประเทศปลายทางเป็นลำดับถัดไป

สามารถเร่งกระบวนการขอเอกสารที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เร็วกว่าปกติได้หรือไม่?

โดยทั่วไปไม่ได้ กระบวนการตรวจสอบประวัติและออกเอกสารมีขั้นตอนและระยะเวลาที่เป็นมาตรฐาน ไม่สามารถเร่งรัดได้ แต่คุณสามารถเลือกบริการ “ด่วน” ได้ในขั้นตอนการรับรองเอกสารที่กรมการกงสุล

การขอหนังสือรับรองความประพฤติ หรือ “ใบ CID” อาจดูเหมือนมีหลายขั้นตอนและซับซ้อน แต่หากคุณทำความเข้าใจภาพรวมและเตรียมตัวตามคำแนะนำในบทความนี้อย่างรอบคอบ มันไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเลย

หัวใจสำคัญมีเพียง 3 อย่างคือ: 1) เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน, 2) วางแผนเรื่องเวลาให้ดี และ 3) อย่าลืมขั้นตอนการรับรองเอกสาร

เอกสารแผ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงกระดาษ แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของคุณบนเวทีโลก และเป็นก้าวแรกที่มั่นคงในการเดินทางไปสู่โอกาสใหม่ๆ ในต่างประเทศ ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการเดินทางตามความฝัน!

ใส่ความเห็น